บันเทิง
เปิดชีวิต "ออย ธนา" กว่าจะมาเป็นพระเอก-นักร้องดัง!! เคยเป็นเด็กเสิร์ฟในคาเฟ่เงินเดือน 600 บาท

เปิดชีวิต "ออย ธนา" กว่าจะมาเป็นพระเอก-นักร้องดัง!! เคยเป็นเด็กเสิร์ฟในคาเฟ่เงินเดือน 600 บาท

เปิดชีวิต

ออย ธนา สุทธิกมล ที่เล่าเส้นทางกว่าจะได้เข้ามาเป็นนักร้องดังในยุค 90 เคยทำงานเป็นเด็กเสิร์ฟเงินเดือน 600 บาท เป็นนักแสดงประกอบ เผยที่มาของฉายาพระเอกเทวดาในอดีต

ในรายการแฉ หนุ่ม "ออย ธนา" ที่ตอนนี้อยู่ในสถานะโสดลูกหนึ่งอีกคนของวงการบันเทิง นอกจาก "ออย" จะเปิดใจถึงเรื่องชีวิตครอบครัวกับอดีตภรรยา ที่ตอนนี้เหลือเพียงทำหน้าที่พ่อ และแม่ที่ดีให้กับลูกเท่านั้น


"ออย ธนา" ยังเปิดใจเล่าย้อนในอดีตกว่าจะเป็นนักร้องดังยุค 90 และพระเอกดังนั้น ออย เปิดใจเล่าเป็นคนราชบุรี บ้านอยู่ติดสถานีรถไฟ วิ่งผ่านทีบ้านสะเทือนเลย เพราะเป็นบ้านไม้ใต้ถุนสูงอยู่ต่างจังหวัด เรียนหนังสืออยู่กับตายาย ที่ทำไร่ทำสวน ต้องปั่นจักรยานเอาปิ่นโตไปส่งให้ยาย ขี่จักรยานไปโรงเรียน 7 กม. บ้านนอกมาก


มดดำ บอกเคยพูดกันเล่นๆ ว่าก่อนออยมา เป็นนักร้องเคยเป็นเด็กเสิร์ฟมาก่อน ออย ธนา บอกใช่ครับ ย้ายมาเรียนกับแม่ที่กทม. อยากมีเงิน บวกกับที่บ้านก็ไม่ได้มีเยอะมากก็อยากมีเงินเป็นของตัวเอง ก็เลยไปสมัครเป็นเด็กเสิร์ฟ คาเฟ่แถวนนทบุรี ได้เดือนละ 600 บาท ทิปต่างหาก แต่ก็ไม่เยอะ เดือนนึงเป็นหลักพัน ได้มากกว่าเงินเดือน ตอนอายุ 15 ปี คาเฟ่นั้นหายไปแล้ว เคยขับผ่าน


ถามเป็นเด็กเสิร์ฟอยู่นานแค่ไหน ก็หลายเดือนประมาณครึ่งปีได้ จนกระทั่งได้มาถ่ายแบบ แล้วก็ไม่ค่อยว่างก็เลยไม่ค่อยไม่ได้ไปแล้ว ถามว่ามาถ่ายแบบได้ยังไง เป็นโมเดลลิ่งเจอที่ตามถนน แถวนางเริ้ง จำได้ว่าไปเที่ยวสวนสัตว์พาต้า ไม่มีรถเมล์นั่ง เดินมาทางพาต้าผ่านนางเลิ้ง หาทางขึ้นรถเมล์กลับบ้าน


มดดำ บอกต่อก็ไม่เคยไปเล่าที่ไหน ก็เอาง่ายๆ ไม่มีเงินที่จะขึ้นแท็กซี่ ต้องเดินเพื่อที่จะมาขึ้นรถเมล์ ในระหว่างนั้นปุ๊บ เมื่อก่อนก็ไม่มีหรอกอินสตาแกรม "ออย ธนา" ไม่มีครับ โทรศัพท์ยังไม่มีเลย ถ่ายรูปเป็นฟิล์มอยู่เลย เดินอยู่มีคนมาทักน้องๆ อยากเป็นดาราไหม ก็ตอบไปว่าไม่อยากครับ เพราะเราเป็นคนขี้อายไม่มั่นใจ แล้วก็ไม่เอาเลยๆ แต่ว่ามากับเพื่อนที่มาจากตวจ.ด้วยกัน เพื่อนบอกเฮ้ยมึงต้องทำนะกูอยากมีเพื่อนเป็นดารา เราก็ลองดู เพราะทำทุกทางเพื่อที่จะได้เงินมาเรียน


ตอนแรกตอนไปแคสโฆษณา ตำยังดำปื๊อ แต่ไม่เคยได้งานอะไรเลยตอนนี้ลูกครึ่งมา แอนดริว-ธัญญ่า เอาไปกินหมด หลังจากที่แคสโฆษณาไปเรื่อยๆ แล้วไม่ได้ก็เลิกเลย ไม่เอาพี่ ผมไม่ไปแล้ว คือแคสเยอะมากแล้วไม่ได้ จนกระทั่งเลิกแล้วกลับไปเรียน ก็เรียนหนังสืออยู่แล้วมีพี่โมเดลลิ่งนี่แหละ บอกว่าตั้งนี้ไม่ต้องไปเทสละ ไปเล่นเลยเล่นภาพยนตร์เรื่องแรกคือกาเหว่าที่บางเพลง ของกันตนา รุ่นแรกเลย "มดดำ" เป็นนักแสดงประกอบด้วย ไม่เป็นพระเอก


ออย ธนา เผยต่อเป็นตัวประกอบ ออกแบบแว๊บๆ ไม่เป็นตัวหลัก 1 ใน 30 ด้วย ไม่มีบทพูด หลังจากเล่นหนังก็เริ่มมีงานถ่ายแบบเป็นเซตในเล่มที่มีนายแบบหลายๆ คน ถ่ายไปสัก 3-4 เล่ม เจอพี่พจน์ อานนท์ ถึงได้เริ่มจริงจัง เริ่มลงหน้าปก


มดดำ คนที่ไล่ให้ไปซาวน์เทสนี่คือใคร ออย ธนา พี่พจน์ หลังจากที่ได้ถ่ายงานกับพี่พจน์ก็รู้สึกว่าเขามีบุญคุณกับเรา เขาให้งานเรา แล้วเราก็ยืมตังค์เขาบ่อยด้วย แล้วก็ไม่คืนด้วย จนกระทั่งวันนึงเขาให้เราไปเล่นมิวสิควิดีโอ ก็คือทำงานได้เงินนั้นแหละ แล้วบริษัทอาร์เอสเห็นว่าน่าจะทำได้เลยให้ลองมาไหม ลองมาเทส ตอนแรกบอกผมไม่เคยร้องมาก่อน แต่ต้องไปเพราะว่าพี่พจน์ใช้ให้ไป เรารู้อยู่แล้วว่าเราไม่ได้แน่นอน


แต่ปรากฏว่าไปแล้วได้ ร้องเพลงบอร์ดี้การ์ด ยิ่งกว่าควายออกลูก และเขาก็วางให้ไปคู่กับลิฟท์ ด้วยความที่ผมร้องเพลงไม่เป็นเลย ลิฟท์ร้องได้เขาเลยเอามาประกบกัน เป็นคนที่เข้าไปเรียนร้องเพลงนานที่สุดจนแร็ปเตอร์ออกไปแล้ว นุ๊กออกไปแล้ว เจมส์ออกไปแล้ว ลิฟท์-ออย ยังเรียนร้องเพลงอยู่ เรียนร้องเพลงอยู่ 2 ปี ฝ่ายพัฒนาศิลปินมาลองเทสยังไม่พร้อม จนช่วงนั้นไม่มีใครออกแล้ว เลยเอามาออกคั่นเวลา ทางค่ายก็ไม่ได้คาดหวัง


"มดดำ" เผยสมัยดังนี่ดังสุดๆ ชีวิตเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ "ออย ธนา" เผยออยในตอนนั้นถ้าเทียบกลับเด็กที่เดินอยู่ปิ่นเกล้า เดินอยู่นางเลิ้ง เหลิงในความที่ทุกคนมาบอกว่าประสบความสำเร็จ มองมาจากตอนนี้ต้องมีช่วงที่ศิลปินดังเร็วๆ แต่พอผ่านมาแล้วก็จะรู้สัจจธรรม ผมกับลิฟท์ความที่เราไม่ได้เป็นตัวเต็ง เราเหมือนเป็นม้ามืดด้วยซ้ำ คุยกันตั้งแต่วันแรกที่ออกโปรโมทว่า เฮ้ย เราประสบความสำเร็จได้เนี่ย คิดไว้เลยว่าวันนึงที่เราหมดเราจะไม่เสียใจนะ ไม่อยากผิดหวัง


เหลิงขนาดที่พอไปทำงานสายอื่นได้ฉายาว่าพระเอกเทวดา ออย ธนา ช่วงนั้นเลยช่วงเหลิงมาแล้ว ช่วงนี่อยู่ในช่วง 2-3 ปีแรก เพราะจากคนที่ไม่เคยมีใครให้ความสำคัญ กลับเป็นคนที่พูดอะไรคนก็ทำให้


พอมาเล่นละคร เราก็เริ่มรู้สึกว่าเฮ้ย เราก็ไม่ได้เก่งขนาดที่ว่าคนจะต้องมาเอาอกเอาใจเรา ตอนแรกไม่เก่งอะไรเลย พูดตามตรงทำเพราะว่าอยากได้ตังค์ เรื่องฉายาพระเอกเทวดา เพราะผมยังรู้สึกหวงความเป็นส่วนตัว ยังมีกรอบของตัวเองว่า ไม่รู้ไปฟังใครมาว่าคำถามที่ถามมาเรามีสิทธิ์ไม่ตอบก็ได้ แล้วเขาจะมีคำถามที่แบบแรงๆ ทิ่ม จิตวิทยาเป็นวิธีการทำงานของเขาที่ทำให้เรารู้สึกว่า เรารู้สึกไม่พอใจ ชักสีหน้า ด้วยความที่เราเป็นเด็ก เราไม่มีวิธีตอบที่ดี เราก็เลยเฮ้ย ไม่ตอบดีกว่า


ผมว่าที่เป็น คนที่ได้รับผลโดยตรงก็คือพี่้ๆ นักข่าว เพราะว่าพอเขามาทำงานแล้วเขาไม่ได้งานเขาก็รู้สึกว่า ไม่น่ารัก เขารุมแบนผมเลย จนกระทั่งผมทำงานกับอาตู่ นพพล เข้าช่อง 7 ผมบอกอาตู่ผมไม่พูดกับนักข่าว ผมไม่ให้สัมภาษณ์นักข่าว อาตู่ยังให้ผมทำงานไหม อาตู่ บอกได้ ผมก็ถึงทำ


ภาพจาก : รายการแฉ


ภาพจาก : รายการแฉ


ภาพจาก : รายการแฉ


ภาพจาก : รายการแฉ


ภาพจาก : รายการแฉ




ภาพจาก : อินสตาแกรม oilthana


ภาพจาก : อินสตาแกรม oilthana


ภาพจาก : อินสตาแกรม oilthana


ภาพจาก : อินสตาแกรม oilthana





ข่าวที่คุณอาจสนใจ
TOP NEWS
  • TODAY
  • WEEK
  • MONTH