จบสิ้นแล้ว! ไมค์ แอชลีย์ ขายทีม ปิดฉาก 14 ปี ฝันร้ายของ นิวคาสเซิล

ตกชั้น 2 ครั้ง รอดตกชั้นอย่างหวุดหวิด 2 ครั้ง นั่นคือผลงานชิ้นโบว์ดำตลอดระยะเวลา 14 ของ ไมค์ แอชลีย์ อดีตประธานสโมสร นิวคาสเซิ่ล ที่ถูกแฟนบอล ทูน อาร์มี่ เผาพริกเผาเกลือแช่งกันไม่เว้นแต่ละวัน แอชลี่ย์ เป็นเจ้าของธุรกิจหลายอย่าง แต่ตัวตนที่ทำใผู้คนรู้จักเขามากที่สุดก็คือ sportsdirect ร้านขายเครื่องกีฬาราคาชาวบ้าน ปี 2007 เขาซื้อหุ้นนิวคาสเซิ่ลต่อจาก เซอร์จอห์น ฮอลล์ และ เฟรดดี้ เชฟเฟิร์ด

"ผมมีความฝันที่อยากจะเปลี่ยนแปลงทีม ผมมีแผนในใจไม่ว่าจะในระยะ 3 ปี 5 ปี หรือ 7 ปี ผมบอกได้เลยว่าผมสามารถทำ นิวคาสเซิล ให้เป็นบิ๊กโฟร์ได้ง่ายๆ เลย นั่นคือสิ่งที่ผมคิด" นั่นการขายฝันครั้งของ ไมค์ แอชลีย์ ที่เข้ามาประกาศต่อหน้าแฟนบอลหลัง เทกโอเวอร์ สาลิกาดง สำเร็จ โดยงานแรกของ แอชลีย์ คือการดึง แซม อัลลาไดซ์ มาคุมทีมเป็นคนแรก ซึ่งแฟนบอลพอใจกับการแต่งตั้ง เพราะ บิ๊กแซม เคยมีผลงานดีเป็นที่ยอมรับ

ที่มาภาพ : AFP

แต่หายนะก็เริ่มเกิดขึ้นกับ นิวคาสเซิล เมื่อจัดการปลด บิ๊กแซม และดึง เควิน คีแกน มาคุมทีม โดยจบฤดูกาล 2007-08 ด้วยการคว้าอันดับ 12 ซึ่งจริงๆก็ไม่เลวนักสำหรับ คีแกน ที่เข้ามาล้างผลงานแย่ๆ จากยุค บิ๊กแซม ทว่า ไมค์ แอชลี่ย์ ดันไปดึงคนที่เคมีไม่ตรงกันมาร่วมงานกันเมื่อทาบทาม เดนิส ไวส์ อดีตกัปตันทีมของเชลซี ที่แทบไม่มีความรู้เรื่องการบริหารเลยมานั่งตำแหน่งผู้อำนวยการสโมสร ที่หน้าที่คือซื้อตัวนักเตะและทำงานร่วมกับโค้ช

เวลาผ่านไปแค่ 1 เดือน ทั้ง คีแกน กับ ไวส์ ก็มาถึงจุดจบเมื่อ คีแกน ขอลาออกจากตำแหน่งกลางที่ประชุม แถมยังส่งท้ายการจากลาว่า “นิวคาเซิล ไม่มีทางประสบความสำเร็จ ถ้ายังมีผู้นำอย่าง ไมค์ แอชลี่ย์” โดยคนที่เข้ามาคุมทีมแทนคือ โจ คินเนียร์ แต่ คินเนียร์ คุมทีมได้ 18 เกมก็ต้องเลิกเพราะมีปัญหาด้านสุขภาพ

ปี 2008-09 อลัน เชียเรอร์ อดีตกองหน้าขวัญใจทูนอาร์มี่ เข้ามารับตำแหน่งต่อจาก คินเนียร์ แต่พรรษาไม่ถึงจึงตกชั้นจากพรีเมียร์ลีก ฮอตชอต ก็เลยต้องขอลาออกจากตำแหน่งเพื่อแสดงความรับผิดชอบ ฤดูกาล 2009-10 สาลิกาดง แต่งตั้ง คริส ฮิวจ์ตัน เข้ามากอบกู้ทีมและพาทีมกลับไปเล่นในพรีเมียร์ลีก ได้สำเร็จภายในปีเดียว เลื่อนชั้นขึ้นมาได้

แต่ แอชลี่ย์ ทำในสิ่งที่ไม่คาดคิดเมื่อจัดการปลด ฮิวจ์ตัน ออก ทั้งที่เพิ่งเกมพรีเมียร์ลีก ไปได้ไม่กี่เดือน คนที่เข้ามาทำหน้าที่แทนก็คือ อลัน พาร์ดิว ก่อนพาทีมไปเล่นเวทียุโรป ไมค์ แอชลีย์ ก็เลยจัดการต่อสัญญายาวถึง 8 ปีกับกุนซือรายนี้ ทว่า พาร์ดิว คุมทีมได้เพียงครึ่งทางก็ถุก แต่ก็ได้กินค่าชดเชยจำนวนมหาศาล

ฤดูกาล 2016-17 นิวคาสเซิ่ล ยังคงทำผลงานได้อย่างน่าผิดหวัง ภายใต้การคุมทีมของ สตีฟ แม็คคลาเรน ก่อนจะถูกปลดและแต่งตั้ง ราฟาเอล เบนิเตซ เข้ามารับงานในช่วง 10 นัดสุดท้าย แต่สุดท้ายก็ไม่ทันการ สาลิกาดง ร่วงลงไปในศึก เดอะ แชมเปี้ยนสชิพ อีกครั้ง แต่ เบนิเตซ ก็ยังอุตส่าตามไปพาทีมกลับมาได้ในปีเดียวซึ่ง แอชลี่ย์ เคยให้สัญญากับ ราฟา ว่าหากพาทีมกลับสู่ลีกสูงสุด จะให้เงินทุนเพื่อการเสริมทีม แต่สุดท้ายก็พลิกลิ้น และเมื่อหมดสัญญากับทีม ราฟา ก็เซย์กู๊ดบายกับ นิวคาสเซิ่ล แบบไม่ต้องเสียเวลาคิด แฟนๆ หมดรักเขาไปนานแล้ว แต่ตอนนี้เปลี่ยนแปลงไปเป็นความเกลียดชัง

ที่มาภาพ : AFP

แถมเมื่อเจอกับสถานการณ์โควิดถล่มโลก แอชลี่ย์ ประกาศงดจ่ายเงินเดือนพนักงานที่ไม่เกี่ยวกับทีม แล้วให้ไปรับเงินชดเชยจากรัฐบาลเอาเอง แอชลี่ย์ เองก็ถูกแฟนชูป้าย "Ashley Out" จนเขาก็รับแทบไม่ไหวในช่วงแรกเขาประกาศขายทีม ทว่าสุดท้ายก็ขายไม่ออก เพราะกลุ่มทุนจากอาหรับที่เจรจาด้วยล้มข้อเสนอไป สาลิกาดง ทรงๆ ทรุดๆ ล้มเหลวหลายด้านทั้งการเสริมทัพ, การบริหารภายใน และศรัทธาที่ได้จากแฟนๆ

อลัน เชียเรอร์ ตำนานของทีมยังอดด่า โดย ฮอตชอต กล่าวถึง ไมค์ ว่า“มันเป็นเรื่องที่น่าอายมากตั้งแต่ต้นจนจบเกม พวกนักเตะในทีมต่างมีความสามารถกันทั้งนั้น แต่บางทีมันอาจยังไม่เพียงพอ พวกเขาจำเป็นต้องมีคาแรคเตอร์และทัศนคติที่ดีด้วย ซึ่งผมไม่แน่ใจว่าพวกเขามีมากพอหรือไม่ มันรู้สึกสิ้นหวังจริงๆ”

จากวันที่เคยมีนักเตะอย่าง อลัน เชียเรอร์ ที่โด่งดังคับประเทศแต่ยุคหลังๆ พวกเขาต้องใช้กองหน้าอย่าง โฆเซลู, ดไวท์ เกย์ล, เซียม เดอ ยอง อีกทั้งสิ่งที่รับไม่ได้อย่างแรงคือการเปลี่ยนชื่อสนาม เซนต์ เจมส์ พาร์ค เป็น สปอร์ตส ไดเร็กต์ อารีนา ซึ่งเป็นบริษัทของเขาเอง มันเหมือนโยกเงินจากกระเป๋าซ้ายไปกระเป๋าขวา โดยทีมแทบไม่ได้อะไรที่ดีขึ้น นอกจากชื่อสนามชื่อใหม่ที่พวกเขาไม่ต้องการ

ปี 2021 นิวคาสเซิ่ล ออกสตาร์ทฤดูกาล 2021-22 ด้วยการไม่ชนะมาแล้ว 7 เกมติดต่อกัน แถมยังเสียประตูมากที่สุดในลีกด้วยจำนวน 16 ประตู แต่ภายหลังจากที่สถานการณ์โควิดทุเลาลง ข่าวดีที่สุดในชีวิตของเหล่า ทูน อาร์มี่ ก็คือการยุติฝันร้าย 14 ปีในยุคซบเซาของ ไมค์ แอชลีย์ เมื่อ กลุ่ม Public Investment Fund (PIF) ที่มีมกุฎราชกุมารโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน เข้าเทคโอเวอร์สโมสร นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด อย่างเป็นทางการด้วยมูลค่าทุนเทกโอเวอร์ 305 ล้านปอนด์ (ประมาณ 14,000 ล้านบาท)