ท็อปโฟร์ของใคร!เปิดกฎพรีเมียร์ถ้าลิเวอร์พูล-เลสเตอร์แต้มเท่ากัน

ศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษเดินทางมาถึงเกมสุดท้ายแล้วในวันอาทิตย์ที่ 23 พฤษภาคมนี้ โดยได้ทีมแชมป์แล้วคือแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ขณะที่ 4 ทีมตกชั้นก็ได้ครบแล้วคือฟูแล่ม, เวสต์บรอมวิช และ เชฟฯ ยูไนเต็ด

แต่ความสนุกยังไม่หมดการลุ้นท็อปโฟร์อีกสองที่ยังคงเข้มข้นหลังสองทีมเมืองแมนเชสเตอร์จับจองไปก่อนแล้วสองที่นั่ง

สถานการณ์ตอนนี้เชลซีมีโอกาสดีกว่าใครหลังจากเอาชนะเลสเตอร์ 2-1 ทำให้แซงขึ้นรั้งอันดับ 3 มี 67 แต้มหากชนะแอสตัน วิลล่า ในเกมสุดท้ายจะมี 70 แต้มจบที่ 3 อย่างแน่นอน

ขณะที่ลิเวอร์พูล กับ เลสเตอร์ ต้องมาขับเคี่ยวแย่งที่นั่งสุดท้ายกันโดยตอนนี้ "หงส์แดง" ได้เปรียบเล็กน้อยตรงที่ประตูได้เสียดีกว่าหากเอาชนะเกมสุดท้ายได้มีโอกาสสูงที่จะเข้าป้ายเป็นอันดับ 4

ในเวลานี้ ลิเวอร์พูล มีผลต่างประตูได้เสียบวก 24 (ได้ 66 เสีย 42) ส่วน เลสเตอร์ ผลต่างบวก 20 (ได้ 66 เสีย 46) หากเกมสุดท้าย "หงส์แดง" เอาชนะคริสตัล พาเซได้ และ "สุนัขจิ้งจอก" ก็ไม่พลาดเอาชนะสเปอร์สจะมี 69 คะแนนเท่ากัน

หากเป็นเช่นนั้นตามกฎ พรีเมียร์ลีก การตัดสินอันดับ 4 จะดูจากผลต่างประตูได้เสียก่อน และถ้าเกิดเท่ากันก็จะดูที่ประตูได้ แต่ถ้ายังเท่ากันอีกจะต้องไปดูที่เฮดทูเฮดการพบกันเองของทั้งสองทีมหากเฮดทูเฮดยังเกิดเท่ากันอีกก็จะต้องไปเล่นนัดเพลย์ออฟที่สนามกลางเพื่อตัดสินให้ได้ในที่สุด

โดยตอนนี้ลิเวอร์พูลได้เปรียบทั้งผลต่างและเฮดทูเฮดดีกว่าจากชัยชนะในแอนฟิลด์ 3-0 ส่วน "สุนัขจิ้งจอก" ชนะที่คิง เพาเวอร์ สเตเดี้ยม 3-1 ซึ่งถ้าเป็นแบบนี้เจอร์เก้น คล็อปป์ จะพาทีมคว้าท็อปโฟร์ไปครอง

แต่หากเกมสุดท้ายเชลซีพลาดท่าแพ้แอสตัน วิลล่า แล้วเลสเตอร์ กับ ลิเวอร์พูล ได้แค่เสมอทั้งคู่ คราวนี้จะกลายเป็นมี 67 แต้มทั้ง 3 ทีมต้องวัดประตูได้เสีย โดยตอนนี้เชลซีผลต่างบวก 23 (ได้ 57 เสีย34)

ถ้าเกิดเรื่องไม่คาดคิดแบบนี้เกิดขึ้นทีมไหนจะจะได้ท็อปโฟร์ก็ต้องดูว่าเชลซีแพ้เท่าไหร่