ทีมแพ้เดือดร้อน!เชลซีขอชนะแซงขึ้นที่3รับเลสเตอร์หวังย้ำชัยรักษาท็อปโฟร์
พรีวิวฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ นัด 37 ที่สแตมฟอร์ด บริดจ์ "สิงห์บลูส์" ต้องชนะเพื่อรักษาท็อปโฟร์รับมือ "จิ้งจอกน้ำเงิน" หวังย้ำชัยยึดที่ 3 เหนียว เริ่มฟาดแข้งเวลา 02.15 น. และทรรศนะจากทีมงาน
วันนี้ ( 18 พฤษภาคม 64 ) ศึกฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ แมตช์เดย์ 37 "สิงห์บลูส์" เชลซี เปิดสนามสแตมฟอร์ด บริดจ์รับการมาเยือนของ "จิ้งจอกน้ำเงิน" เลสเตอร์ ซิตี้ ลงทำการแข่งขันเวลา 02.15 น. ถ่ายทอดสดทางทรู พรีเมียร์ ฟุตบอล HD 1 (600)
ผลงานการพบกันที่ผ่านมา
15/05/21 เชลซี 0-1 เลสเตอร์ (เอฟเอ คัพ)
20/01/21 เลสเตอร์ 2-0 เชลซี (พรีเมียร์ลีก)
28/06/20 เลสเตอร์ 0-1 เชลซี (เอฟเอ คัพ)
01/02/20 เลสเตอร์ 2-2 เชลซี (พรีเมียร์ลีก)
18/08/19 เชลซี 1-1 เลสเตอร์ (พรีเมียร์ลีก)
ผลงาน 5 นัดหลังสุดของทั้งสองทีม
เชลซี
15/05/21 แพ้ เลสเตอร์ 0-1 (สนามกลาง, เอฟเอ คัพ)
12/05/21 แพ้ อาร์เซน่อล 0-1 (เหย้า, พรีเมียร์ลีก)
08/05/21 ชนะ แมนฯ ซิตี้ 2-1 (เยือน,พรีเมียร์ลีก)
06/05/21 ชนะ เรอัล มาดริด 2-0 (เหย้า, ยูฟ่า แชมเปี้ยนนส์ ลีก)
01/05/21 ชนะ ฟูแล่ม 2-0 (เหย้า, พรีเมียร์ลีก)
เลสเตอร์
15/05/21 ชนะ เชลซี 1-0 (สนามกลาง, เอฟเอ คัพ)
11/05/21 ชนะ แมนฯ ยูไนเต็ด 2-1 (เยือน, พรีเมียร์ลีก)
07/05/21 แพ้ นิวคาสเซิ่ล 2-4 (เหย้า, พรีเมียร์ลีก)
01/05/21 เสมอ เซาธ์แฮมป์ตัน 1-1 (เยือน, พรีเมียร์ลีก)
27/04/21 ชนะ คริสตัล พาเลซ 2-1 (เหย้า, พรีเมียร์ลีก)
ความพร้อมล่าสุด
เชลซี
โธมัส ทูเคิ่ล กุนซือเยอรมันพา "สิงห์บลูส์" แพ้อาร์เซน่อล 0-1 ในเกมลีกล่าสุดแม้จะยังรั้งที่ 4 แต่โดนลิเวอร์พูลจี้ติดเหลือแต้มเดียวกับสองเกมสุดท้ายก่อนแพ้เลสเตอร์ 0-1 ชวดแชมป์เอฟเอ คัพ
ความพร้อมเกมนี้ไม่มีปัญหานักเตะบาดเจ็บหรือติดโทษแบนหลังได้ อันเดรียส คริสเตนเซ่น ปราการหลังเดนมาร์ก และ มาเตโอ โควาซิช กองกลางโครแอตฟิตกลับมาเป็นตัวเลือกในเกมนี้
การจัดทัพน่าจะปรับทีมจากนัดชิงเอฟเอหลายตำแหน่งโดย เอดูอาร์ เมนดี้ จะกลับมาเฝ้าเสาแทนเกป้า อาร์ริซาบาลาก้า เช่นเดียวกับเบน ชิลเวลล์, คริสเตียน พูลิซิช และ ไค ฮาแวร์ทซ์ ที่นั่งสำรองจะได้ออกสตาร์ตร่วมกับตัวหลักอย่างเอ็นโกโล่ ก็องเต้, จอร์จินโญ่ และ เมสัน เม้าน์ท
11 คนแรกที่คาดว่าน่าจะลงสนาม
ระบบ (3-4-2-1) : เอดูอาร์ เมนดี้ ; เซซ่าร์ อัซปิลิกวยต้า, ติอาโก้ ซิลวา, อันโตนิโอ รือดิเกอร์ ; รีซ เจมส์, เอ็นโกโล่ ก็องเต้, จอร์จินโญ่, เบน ชิลเวลล์ ; เมสัน เม้าน์ท, คริสเตียน พูลิซิช ; ไค ฮาแวร์ทซ์
เลสเตอร์
เบรนแดน ร็อดเจอร์ส กุนซือไอร์แลนด์เหนือพา "จิ้งจอกน้ำเงิน" เอาชนะเชลซี 1-0 คว้าแชมป์เอฟเอ คัพครั้งแรกในประวัติศาสตร์สโมสร ขณธที่มนลีกเกมล่าสุดบุกชนะแมนฯ ยูไนเต็ด 2-1 ทำห้รั้งที่ 3 ตามหลัง"ปีศาจแดง" 4 แต้มและนำเชลซีอยู่ 2 แต้ม
ความพร้อมเกมนี้ยังชวดใช้งานตัวเจ็บหน้าเดิมทั้ง ฮาร์วี่ย์ บาร์นส์ และ เจมส์ จัสติน ที่เดี้ยงอยู่ก่อนแล้วรวมทั้งล่าสุดมาเสีย จอนนี่ อีแวนส์ กองหลังคนสำคัญที่เจ็บส้นเท้าซ้ำจากเกมเอฟเอคัพไม่น่าพร้อมลงเล่นเกมนี้
การจัดทัพยังคงยึดแกนหลักขาประจำอย่างแคสเปอร์ ชไมเคิ่ล, เวสลี่ย์ โฟฟาน่า, ซากลาร์ โซยุนชู, ยูริ ตีเลมันส์, วิลเฟร็ด เอ็นดิดี้, เคเลชี่ อิเฮียนาโช่ และ เจมี่ วาร์ดี้ ลงช่วยทีมเหมือนเดิม
11 คนแรกที่คาดว่าน่าจะลงสนาม
ระบบ (4-4-2) : แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล ; ติโมธี คาสตาญ, เวสลี่ย์ โฟฟาน่า, ซากลาร์ โซยุนชู, ลุค โธมัส ; มาร์ค อัลไบรท์ตัน, ยูริ ตีเลมันส์, วิลเฟร็ด เอ็นดิดี้, อโยเซ่ เปเรซ ; เคเลชี่ อิเฮียนาโช่, เจมี่ วาร์ดี้
True4U ชี้ขาดผลการแข่งขัน
เกมนัดนี้น่าจะสำคัญพกับเกมนัดชิงเอฟเอคัพเมื่อมีตั๋วชปล.เป็นเดิมพันทีมแพ้จะเจองานยากในเกมสุกท้ายหากลิเวอร์พูลเก็บชัยได้ซึ่งเชื่อว่าเชลซีจะเป็นครองเกมบุกเหมือนเกมเอฟเออยู่ที่แนวรุกจะเด็ดขาดแค่ไหนหลังเกมเมื่อสุดสัปดาห์ใช้โอกาสเปลืองมากขณะที่เลสเตอร์เน้นรับรัดกุมเหมือนเดิมซึ่งแต้มเดียวอาจจะล้ำค่าดีกว่าปราชัยรูปเกมจึงไม่ต่างจากเกมเอฟเอแต่ผลที่ออกมาน่าเสมอมากที่สุดหากชนะขอวัดเจ้าถิ่น
เชลซี เสมอ เลสเตอร์ 1-1