เวสต์บรอมวิชขอไว้ลายหนีรองบ๊วยดวลลิเวอร์พูลต้องชนะเพื่อท็อปโฟร์
พรีวิวฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ นัด 36 ที่เดอะ ฮอว์ธอร์นส์ "เดอะ แบ็กกี้ส์" หวังชนะเพื่อหนีรองบ๊วยรับมือ "หงส์แดง" ต้องชนะเพื่อลุ้นท็อปโฟร์ เริ่มฟาดแข้งเวลา 22.30 น. และทรรศนะจากทีมงาน
วันนี้ (16 พฤษภาคม 64 ) ศึกฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ แมตช์เดย์ 36 "เดอะ แบ็กกี้ส์" เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยนเปิดสนามเดอะ ฮอว์ธอร์นส์ รับการมาเยือนของ "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ลงทำการแข่งขันเวลา 22.30 น. ถ่ายทอดสดทางทรู พรีเมียร์ ฟุตบอล HD 1 (600)
ผลงานการพบกันที่ผ่านมา
27/12/20 ลิเวอร์พูล 1-1 เวสต์บรอมวิช (พรีเมียร์ลีก)
21/04/18 เวสต์บรอมวิช 2-2 ลิเวอร์พูล (พรีเมียร์ลีก)
28/01/18 ลิเวอร์พูล 2-3 เวสต์บรอมวิช (เอฟเอ คัพ)
14/12/17 ลิเวอร์พูล 0-0 เวสต์บรอมวิช (พรีเมียร์ลีก)
16/04/17 เวสต์บรอมวิช 0-1 ลิเวอร์พูล (พรีเมียร์ลีก)
ผลงาน 5 นัดหลังสุดของทั้งสองทีม
เวสต์บรอมวิช
10/05/21 แพ้ อาร์เซน่อล 1-3 (เยือน) พรีเมียร์ลีก)
04/05/21 เสมอ วูล์ฟแฮมป์ตัน 1-1 (เหย้า) พรีเมียร์ลีก)
26/04/21 เสมอ แอสตัน วิลล่า 2-2 (เยือน) พรีเมียร์ลีก)
23/04/21 แพ้ เลสเตอร์ 0-3 (เยือน) พรีเมียร์ลีก)
13/04/21 ชนะ เซาธ์แฮมป์ตัน 3-0 (เหย้า) พรีเมียร์ลีก)
ลิเวอร์พูล
14/05/21 ชนะ แมนฯ ยูไนเต็ด 4-2 (เยือน) พรีเมียร์ลีก)
08/05/21 ชนะ เซาธ์แฮมป์ตัน 2-0 (เยือน) พรีเมียร์ลีก)
24/04/21 เสมอ นิวคาสเซิ่ล 1-1 (เหย้า) พรีเมียร์ลีก)
20/04/21 เสมอ ลีดส์ ยูไนเต็ด 1-1 (เยือน) พรีเมียร์ลีก)
14/04/21 เสมอ เรอัล มาดริด 0-0 (เหย้า, ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก)
ความพร้อมล่าสุด
เวสต์บรอมวิช
แซม อัลลาร์ไดซ์ กุนซือจอมเก๋าพา "เดอะ แบ็กกี้ส์" ปราชัยต่ออาร์เซน่อล 1-3 ในเกมลีกนัดล่าสุดทำให้ตกชั้นเป้นที่เรียบร้อยและ"บิ๊กแซม" เสียสถิติกุนซือผู้เชี่ยวชาญพาทีมหนีตายคุมทีมตกชั้นเป็นครั้งแรก
ความพร้อมเกมนี้ยังชวดใช้งานโรเบิร์ต สน็อดกราสส์ กองกลางสกอตแลนด์ที่ผ่าตัดหลังยังต้องใช้เวลาฟื้นตั รวมทั้ง บรานิสลาฟ อิวาโนวิช ที่ยังเจ็บเอ็นหลังหัวเข่า แต่จะได้เอนส์ลี่ย์ เมทแลนด์-ไนล์ส กลับมาปั้นเกมรุกหลังชวดเล่นเกมล่าสุดเนื่องจากติดสัญญายืมตัวจากอาร์เซน่อล
การจัดทัพยังคงยึดแกนหลักขาประจำรายอย่าง ไคล์ บาร์ทลี่ย์,ซามี่ อาจายี่, คอเนอร์ กัลลาเกอร์, มาเตอุส เปเรยร่า, แมตต์ ฟิลลิปส์, คัลลัม โรบินสัน และ เอ็มบาย เดียง นำทัพเหมือนเดิม
11 คนแรกที่คาดว่าน่าจะลงสนาม
ระบบ(4-4-1-1) : แซม จอห์นสโตนส์ ; ดาร์เนลล์ เฟอร์ลอง, ซามี่ อาจายี่, ไค บาร์ตลี่ย์, คอนอร์ ทาวน์เซนด์ ; คัลลั่ม โรบินสัน, แมตต์ ฟิลลิปส์, มาเตอุส เปไรร่า, ไอส์ลี่ย์ เมตแลนด์-ไนลส์ ; คอเนอร์ กัลลาเกอร์ ; เอ็มบาย เดียง
ลิเวอร์พูล
เจอร์เก้น คล็อปป์ กุนซือชาวเยอรมันพา "หงส์แดง" บุกอัดแมนฯ ยูไนเต็ดสุดมัน 4-2 ทำให้ไม่แพ้ใครในลีก 7 นัดติดต่อกันชนะ 5 เสมอ 2 กุมชะตาคว้าท็อปโฟร์ไว้ในมือหากชนะทุกนัดที่เหลือก็ไม่น่าพลาดหลังตาม เชลซี อันดับ 4 เพียง 4 แต้มแต่แข่งน้อยกว่า 1 เกม
ความพร้อมเกมนี้ยังคงชวดใช้งานเหล่าตัวเจ็บหน้าเดิมทั้ง เฟอร์กิล ฟาน ไดจ์ค, โจ โกเมซ, โฌเอล มาติป และ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ขณะที่ โอซาน คาบัค, เจมส์ มิลเนอร์ และ นาบี เกอิต้า ยังไม่น่าฟิตพอลงช่วยทีมเกมนี้
การจัดทัพน่าจะหมุนทีมเล็กน้อยโดยเฉพาะเกมรุกซาดิโอ มาเน่ ที่เป็นสำรองเกมชนะผีแดงน่าจะกลับมาออกสตาร์แทน ดิโอโก้ โชต้า ส่วนตำแหน่งอื่นๆไม่น่าปรับ ฟาบินโญ่ จะยังคุมแดนกลางต่อไปหลังสองดาวรุ่งเซนเตอร์แบ็กอย่าง เนธาเนี่ยล ฟิลลิปส์ และ รีส วิลเลี่ยมส์ ทำผลงานได้ดีในสองเกมหลังสุด
11 คนแรกที่คาดว่าน่าจะลงสนาม
ระบบ (4-3-3) : อลีสซง เบ็คเกอร์ ; เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, เนธาเนี่ยล ฟิลลิปส์, รีส วิลเลี่ยมส์, แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน ; ติอาโก้ อัลคันทาร่า, ฟาบินโญ่, จอร์จินโย่ ไวจ์นัลดุม ; โมฮาเหม็ด ซาลาห์, โรเบอร์โต้ ฟีร์มิโน่, ดีโอโก้ โชต้า
True4U ชี้ขาดผลการแข่งขัน
เวสต์บรอมวิชที่ตกชั้นไปแล้วมีลุ้นแค่หนีรองบ๊วยซึ่งฟอร์มช่วงหลังเล่นได้ค่อนข้างเหนียวแน่นขณะที่ลิเวอร์พูลกลับมาเล่นในฟอร์มเก่งอีกครั้งหลังขยับฟาบินโญ่มาคมแดนกลางทำให้เกมแน่นขึ้นดูแล้วเกมนี้หงส์แดงจะครองบอลเข้าทำเป็นส่วนใหญ่และช่วงหลังเกมรุกกลับมาเข้าฝักแล้วน่าจะบดเอาชนะได้แต่ไม่น่ายิงขาด
เวสต์บรอมวิช แพ้ ลิเวอร์พูล 1-3