Football
ดัลลัสซัดเบิ้ล! ลีดส์10คนบุกคว่ำแมนซิตี้คารัง 2-1 เฮ3นัดติด ขึ้นรั้งที่9

ดัลลัสซัดเบิ้ล! ลีดส์10คนบุกคว่ำแมนซิตี้คารัง 2-1 เฮ3นัดติด ขึ้นรั้งที่9

ดัลลัสซัดเบิ้ล! ลีดส์10คนบุกคว่ำแมนซิตี้คารัง 2-1 เฮ3นัดติด ขึ้นรั้งที่9

สจ๊วร์ต ดัลลัส ซัด 2 ประตูพา ลีดส์ ยูไนเต็ด 10 คน บุกเอาชนะ จ่าฝูง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ถึงถิ่น 2-1 ทำให้ "เรือใบสีฟ้า" พ่ายแรกรอบ 7 เกมในทุกรายการ มี 74 คะแนน ห่าง แมนฯ ยูไนเต็ด 14 แต้ม แต่แข่งมากกว่า 2 นัด ด้าน "ยูงทอง" คว้าชัย 3 เกมติดต่อกัน ขยับขึ้นมารั้งอันดับที่ 9 เก็บได้ 45 แต้ม ในศึกพรีเมียร์ลีก วันเสาร์ที่ 10 เม.ย.64

การแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ แมตช์เดย์ 31 "เรือใบสีฟ้า" แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เปิดสนามเอติฮัด สเตเดี้ยม รับการมาเยือนของ "ยูงทอง" ลีดส์ ยูไนเต็ด ลงทำการแข่งขันวันเสาร์ที่ 10 เม.ย.64


เริ่มเกมมาในนาทีที่ 6 เจ้าบ้านเซตเกมขึ้นมา ก่อนที่ เฟร์ราน ตอร์เรส จะพยายามซัด แล้วบอลไปแฉลบโดนขา แบ็งฌาแม็ง เมนดี้ ที่ยืนอยู่หน้าปากประตู แต่ไม่ตรงกรอบ และผู้ตัดสินก็ยกธงเป็นลูกล้ำหน้าด้วย


นาทีที่ 17 แมนฯ ซิตี้ ลองส่องไกลนอกกรอบเขตโทษ จากลูกยิงของ ราฮีม สเตอร์ลิง แต่ก็โด่งข้ามคานออกหลังไป


ต่อมาในนาทีที่ 19 เจ้าถิ่นมีโอกาส โดย แฟร์นันดินโญ่ เปิดบอลให้ ราฮีม สเตอร์ลิง ได้กดด้วยขวา แต่ไม่ผ่านมือของ อิลล็อง เมส์ลิเย่ร์


นาทีที่ 31 แมนฯ ซิตี้ ได้ลุ้นต่อเนื่อง จากการที่ จอห์น สโตนส์ จ่ายทะลุช่องให้ แฟร์นันดินโญ่ ได้ยิงกะยัดเสาแรก แต่ก็โดน อิลล็อง เมส์ลิเย่ร์ ใช้ขาป้องกันเอาไว้ได้ทัน


ถัดมาในนาทีที่ 34 เจ้าบ้านได้ลูกฟรีคิก เปิดโดย โอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก้ โยนย้อยเข้าไปในกรอบ แล้วเป็น เฟร์ราน ตอร์เรส ที่ได้โขก แต่โดนใต้ลูกทำให้บอลเหินข้ามคานออกหลังไป


นาทีที่ 38 ยังคงเป็น แมนฯ ซิตี้ ที่ได้ลุ้น โดย แฟร์นันดินโญ่ ลากบอลลุยขึ้นไป ก่อนตัดเข้าในแล้วไหลบอลให้ ราฮีม สเตอร์ลิง แปเน้นๆ แต่ยิงเฉี่ยวเสาหลุดนอกกรอบออกไปเอง


จากนั้นในนาทีที่ 42 ทีมเยือนวางบอลยาวขึ้นหน้าไปถึง เอลแดร์ คอสต้า ดึงจัวหวะ ก่อนเคาะให้ แพทริค แบมฟอร์ด จ่ายต่อไปยัง สจ๊วร์ต ดัลลัส ได้กดโล่งๆ ส่งบอลชนเสาด้านในเด้งเข้าประตู พา ลีดส์ ยูไนเต็ด ออกนำ แมนฯ ซิตี้ 1-0


นาทีที่ 45+1 เลียม คูเปอร์ ไปสกัดเปิดปุ่มทำฟาวล์ใส่ กาเบรียล เชซุส ล้มลง แล้วผู้ตัดสินก็เป่าหยุดเกมทันที ก่อนควักใบเหลืองให้ เลียม คูเปอร์ แต่เมื่อได้รับสัญญาณจากห้องวีเออาร์ แล้วเดินไปดูภาพช้าอีกครั้ง สุดท้ายกลับคำตัดสินให้ใบแดงโดยตรงแก่ เลียม คูเปอร์ ไล่ออกจากสนาม ทำให้ ลีดส์ เหลือผู้เล่น 10 คน


หลังจากนั้นหมดเวลาการแข่งขันครึ่งแรก แมนฯ ซิตี้ ตามหลัง ลีดส์ ยูไนเต็ด 0-1


กลับมาสู่ครึ่งหลัง ในนาทีที่ 53 เจ้าบ้านเซตเกมขึ้นมา ก่อนที่ จอห์น สโตนส์ จะจ่ายให้ โอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก้ ได้กดเรียด แต่ไม่ผ่านมือ อิลล็อง เมส์ลิเย่ร์ รับเอาไว้ได้


นาทีที่ 60 แมนฯ ซิตี้ บุกต่อโดย โอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก้ จ่ายให้ จอห์น สโตนส์ เห็นช่อง แล้วลองยิง แต่ไปตรงตัวของ อิลล็อง เมส์ลิเย่ร์ ไร้ปัญหาป้องกัน


ต่อมาในนาทีที่ 67 เจ้าบ้านได้ลูกฟรีคิก ก่อนที่จะโดนผู้เล่น ลีดส์ เคลียร์บอลออกมาเข้าทาง อิลคาย กุนโดกัน ได้หวด แต่เหินข้ามคาน


นาทีที่ 71 แมนฯ ซิตี้ พยายามหาช่องเจาะเข้าไป แต่โดนบีบพื้นที่เอาไว้ ก่อนที่ แฟร์นันดินโญ่ จะมองเห็นช่องแล้วลองยิงไกล บอลพุ่งแรง แต่ติดปลายมือ อิลล็อง เมส์ลิเย่ร์ ปัดเอาไว้ได้อีก


ถัดมาในนาทีที่ 76 เจ้าบ้านมาได้ประตู จากการที่ แฟร์นันดินโญ่ ลากบอลขึ้นหน้ามา แล้วไหลให้ แบร์นาร์โด้ ซิลวา จับก่อนจ่ายไปยัง เฟร์ราน ตอร์เรส แปด้วยขวาเน้นๆ ส่งบอลตุงตาข่ายช่วยให้ แมนฯ ซิตี้ ตามตีเสมอ ลีดส์ ยูไนเต็ด 1-1


นาทีที่ 88 เจ้าถิ่นยังคงเปิดเกมรุกต่อเนื่อง แล้วเป็น แบร์นาร์โด้ ซิลวา ที่เลี้ยงตัดเข้าในแล้วซัดด้วยซ้าย แต่บอลไม่โค้ง ทำให้หลุดเสาไกลออกหลังไป


หลังจากนั้นไม่มีทีมใดทำประตูได้ หมดเวลาการแข่งขัน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เปิดบ้านแพ้ ลีดส์ ยูไนเต็ด 1-2 ทำให้ "เรือใบสีฟ้า" พ่ายแรกรอบ 7 เกมในทุกรายการ แต่ยังนำเป็นจ่าฝูง มี 74 คะแนน ห่าง แมนฯ ยูไนเต็ด 14 แต้ม แต่แข่งมากกว่า 2 นัด ด้าน "ยูงทอง" คว้าชัย 3 นัดติดต่อกัน ขยับขึ้นมารั้งอันดับที่ 9 เก็บได้ 45 แต้ม


รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม


แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ระบบ (4-3-3) : เอแดร์ซอน ; ชูเอา กานเซโล่, จอห์น สโตนส์, นาธาน อาเก้ (อิลคาย กุนโดกัน น.58), แบ็งฌาแม็ง เมนดี้ (ฟิล โฟเด้น น.74) ; แบร์นาร์โด้ ซิลวา, แฟร์นันดินโญ่, โอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก้ ; เฟร์ราน ตอร์เรส, กาเบรียล เชซุส, ราฮีม สเตอร์ลิง


ลีดส์ ยูไนเต็ด ระบบ (4-1-4-1) : อิลล็อง เมส์ลิเย่ร์ ; ลุค อายลิ่ง, ดีเอโก้ ยอเรนเต้, เลียม คูเปอร์, เอ็กซิยาน อลิออสกี้ ; คัลวิน ฟิลลิปส์ ; ราฟินญ่า (เจมี่ แชคเคิลตัน น.90+6), สจ๊วร์ต ดัลลัส, ไทเลอร์ โรเบิร์ตส์ (โรบิน ค็อค น.63), เอลแดร์ คอสต้า ; แพทริค แบมฟอร์ด (ปาสกาล สเตร้าซ์ น.45+3)

ข่าวที่คุณอาจสนใจ
TOP NEWS
  • TODAY
  • WEEK
  • MONTH