สเปอร์สหวังสานต่อฟอร์มฮอตรับลิเวอร์พูลขอกู้ฟอร์มกู้ชัย

วันนี้ ( 27 มกราคม 64 ) ศึกฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ แมตช์เดย์ 20 "ไก่เดือยทอง" สเปอร์ส เปิดสนามท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ สเตเดี้ยม รับการมาเยือนของ "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ลงทำการแข่งขันเวลา 03.00 น. ถ่ายทอดสดทาง ทรูพรีเมียร์ฟุตบอล เอชดี 1 (600)

ผลงานการพบกันที่ผ่านมา

17/12/20 ลิเวอร์พูล 2-1 สเปอร์ส (พรีเมียร์ลีก)

12/01/20 สเปอร์ส 0-1 ลิเวอร์พูล (พรีเมียร์ลีก)

27/10/19 ลิเวอร์พูล 2-1 สเปอร์ส (พรีเมียร์ลีก)

02/06/19 สเปอร์ส 0-2 ลิเวอร์พูล (ยูฟ่า แชมเปี้ยส์ ลีก)

31/03/19 ลิเวอร์พูล 2-1 สเปอร์ส (พรีเมียร์ลีก)

ผลงาน 5 นัดหลังสุดของทั้งสองทีม

สเปอร์ส

25/01/21 ชนะ วีคอมบ์ 4-1 (เยือน, เอฟเอ คัพ)

17/01/21 ชนะ เชฟฯ ยูไนเต็ด 3-1 (เยือน, พรีเมียร์ลีก)

13/01/21 เสมอ ฟูแล่ม 1-1 (เหย้า, พรีเมียร์ลีก)

10/01/21 ชนะ มารีน 5-0 (เยือน, เอฟเอ คัพ)

05/01/21 ชนะ เบรนท์ฟอร์ด 2-0 (เหย้า, ลีก คัพ)

ลิเวอร์พูล

24/01/21 แพ้ แมนฯ ยูไนเต็ด 2-3 (เยือน, เอฟเอ คัพ)

21/01/21 แพ้ เบิร์นลีย์ 0-1 (เหย้า, พรีเมียร์ลีก)

17/01/21 เสมอ แมนฯ ยูไนเต็ด 0-0 (เหย้า, พรีเมียร์ลีก)

08/01/21 ชนะ แอสตัน วิลล่า 4-1 (เยือน, เอฟเอ คัพ)

07/01/21 แพ้ เซาธ์แฮมป์ตัน 0-1 (เยือน, พรีเมียร์ลีก)

ความพร้อมล่าสุด

สเปอร์ส

โชเซ่ มูรินโญ่ กุนซือโปรตุกีสพา "ไก่เดือยทอง" กลับมาเข้าฝักบุกถล่ม เชฟฯ ยูไนเต็ด 3-1 ต่อดว้ยอัด วีคมบ์ ทีมรองบ่อย 4-1 ในถ้วยเอฟเอ คัพ โดยสถานการณ์ในลีกมี 33 แต้มจาก 18 เกมตามจ่าฝูง 10 แต้ม 8 แต้ม

ความพร้อมเกมนี้ยังขาดเพียง โจวานนี่ โล เซลโซ่ กองกลางอาร์เจนไตน์ที่เจ็บกล้ามเนื้อขา ขณะที่ แมตต์ โดเฮอร์ตี้, เบน เดวิส และ เดเล่ อัลลี่ ยังต้องทดสอบความฟิตก่อนทั้งหมด

การจัดทัพจะเรียกตัวหลักที่ได้พักในถ้วยเอฟเอ คัพกลับคืนตัวจริงทั้ง เอริก ดายเออร์, เซร์คิโอ เรกีลอน, ปิแอร์-เอมิล ฮอยจ์เบิร์ก, สตีเว่น เบิร์กไวจ์น, ต็องกี เอ็นดอมเบเล่, ซน ฮึง-มิน และ แฮร์รี่ เคน

11 คนแรกที่คาดว่าน่าจะลงสนาม

ระบบ (4-2-3-1) : อูโก้ โยริส ; แซร์ช โอริเย่ร์, ดาวินซอน ซานเชซ, เอริก ดายเออร์, เซร์คิโอ เรกีลอน ; มูสซ่า ซิสโซโก้, ปิแอร์-เอมิล ฮอยจ์เบิร์ก ; สตีเว่น เบิร์กไวจ์น, ต็องกี เอ็นดอมเบเล่, ซน ฮึง-มิน ; แฮร์รี่ เคน

ลิเวอร์พูล

เจอร์เก้น คล็อปป์ กุนซือเยอรมันพา "หงส์แดง" ฟอร์มหลุดต่อเนื่องล่าสุดพ่ายเบิร์นลีย์คารัง 0-1 หยุดสถิติไร้พ่ายเกมเหย้าไว้แค่ 68 นัดจากนั้นบุกพ่ายแมนฯ ยูไนเต็ด 2-3 ตกรอบเอฟเอ คัพทำให้ "หงส์แดง" ชนะเพียงเกมเดียวจาก 7 นัดหลังสุดทุกรายการ โดยสถานการณ์ในลีกไม่ชนะมา 5 เกมติดหล่นมารั้งที่ 5 ตามหลังจ่าฝูง 9 แต้ม 7 แต้ม

ความพร้อมเกมนี้ยังขาดตัวเจ็บเดิมทั้ง เฟอร์กิล ฟาน ไดจ์ค, โจ โกเมซ, ดีโอโก้ โชต้า และ นาบี เกอิต้า ขณะที่ คอนสแตนตินอส ซิมิกาส แบ็กซ้ายกรีซเจ็บเข่าชวดเล่นอีกราย นอกจากนี้ยังต้องรอทดสอบความฟิต จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ต้กัปตันทีมที่เจ็บกล้ามเนื้อขา

การจัดทัพจะกลับมาใช้โฌเอล มาติป ยืนเซนเตอร์คู่กับ ฟาบินโญ่อีกครั้ง ขณะที่ตำแหน่งกัปตันเฮนโด้น่าเป็นโอกาสของ เซอร์ดาน ชากิรี่ เล่นร่วมกับ ติอาโก้ อัลคันทาร่า และ จอร์จินโย่ ไวจ์นัลดุม ส่วนสามประสานเกมรุกยังคงเป็น โมฮาเหม็ด ซาลาห์, โรเบร์โต้ ฟีร์มิโน่ และ ซาดิโอ มาเน่

11 คนแรกที่คาดว่าน่าจะลงสนาม

ระบบ (4-3-3) : อลีสซง ; เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, โฌเอล มาติป, ฟาบินโญ่, แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน ; เซอร์ดาน ชากิรี่, ติอาโก้ อัลคันทาร่า, จอร์จินโย่ ไวจ์นัลดุม ; โมฮาเหม็ด ซาลาห์, โรเบร์โต้ ฟีร์มิโน่, ซาดิโอ มาเน่

True4U ชี้ขาดผลการแข่งขัน

เทียบฟอร์มช่วงนี้สเปอร์สดีกว่าก็จริงแต่ลิเวอร์พูลเริ่มกลับมาเข้าที่เข้าทางแล้วเกมรุกเริ่มยิงได้เจ้าถิ่นจึงประมาทไม่ได้ เกมนี้"ไก่เดือยทอง" จะใช้แท็กติกราสวนตามสไตล์ถนัดเฮียมูซึ่งมองว่าเป็นการลดประสิทธิภาพเกมรุกโดยเฉพาะคู่หูซน-เคนที่จะลงมาเล่นเกมรับมากขึ้นส่วน "หงส์แดง" ครองบอลบุกตามเคยและการที่ฟิร์มิโน่แอสซิสต์ให้ซาลาห์ยิง2ตุงในถ้วยเอฟเอน่าบอกได้ถึงความมั่นใจเริ่มกลับมาจึงเชื่อว่าเจ้าถิ่นเกมรับไม่ค่อยเหนียวแน่นอยู่แล้วจึงไม่น่าเอาอยู่

สเปอร์ส แพ้ ลิเวอร์พูล 1-2