บันเทิง
"แพท พาวเวอร์แพท" น้ำตาซึม เปิดใจครั้งแรกหลังพ้นโทษ

"แพท พาวเวอร์แพท" น้ำตาซึม เปิดใจครั้งแรกหลังพ้นโทษ

กว่าจะถึงวันนี้! แพท-วรยศ บุญทองนุ่ม หรือ แพท พาวเวอร์แพท หลังใช้ชีวิตภายในเรือนจำกว่า 16 ปี ด้วยข้อหามียาเสพติดไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและเสพ

ด้วยการที่เป็นคนมีความประพฤติดีมาโดยตลอด จนล่าสุดได้รับพระราชทานอภัยโทษปล่อยตัวออกมาเร็วกว่ากำหนด แม้จะถูกตัดสินจำคุกถึง 50 ปี ซึ่งในวันนี้ก็มีพ่อแม่ และ สื่อหลายสำนักไปร่วมรอรับเจ้าตัวที่หน้าเรือนจำ


โดยเจ้าตัวได้เผยถึงความรู้สึกหลังออกจากเรือนจำว่า

"ผมต้องบอกก่อนนะครับว่า ผมซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณ และรู้สึกสำนึกในพระเมตตาของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมากเลยนะครับ ที่ท่านพระราชทานอภัยโทษ ท่านทรงให้โอกาสให้ผู้ต้องหาในราชทัณฑ์ได้กลับตัวเป็นคนดี ให้โอกาสได้กลับไปดูแลครอบครัว ให้โอกาสได้ไปพัฒนาประเทศ พัฒนาสังคม"


"ผมซาบซึ้งมาก ผมจะรักษาโอกาสครั้งนี้ไว้เทียบเท่าชีวิต เพราะโอกาสไม่ได้มีมาบ่อย ผมจะมุ่งมั่นทำความดี ไม่ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด จะไม่ทำผิดกฏหมาย เพราะผมปฏิญาณต่อหน้าพระบรมฉายาลักษณ์และผู้แทนพระองค์ในวันที่ก่อนออกมาแล้ว"


วินาทีแรกที่ได้เจอครอบครัวรู้สึกยังไง

"พูดยากครับ มีหลายความรู้สึก มันเหมือนวันที่เราฝันตลอดเกือบ 17 ปี ผมฝันถึงวันนี้ตลอด ถึงแม้มันจะไม่ได้ตรงกับภาพที่คิดไว้ 100% แต่ความรู้สึกใกล้เคียงมาก ดีใจมากๆที่มีคนมารอรับ ทั้งครอบครัว หรือแม้กระทั่งเพื่อนๆ พี่ๆ รู้สึกอบอุ่นมากครับ น่าจะเป็นวันที่ผมจดจำไปจนวันตาย"


ตอนก้มกราบพ่อแม่รู้สึกอย่างไรบ่าง

"พูดอะไรไม่ออกจริงๆ คือก่อนหน้านี้ผมตั้งใจจะกราบเท้าขอโทษท่าน แต่ตอนที่อยู่ข้างในผมไม่เคยทำเลย แล้วผมจะกล้าทำมั้ย ผมคิดในใจ แล้วยิ่งมีสื่อมาผมยิ่งคิด แต่พอถึงเวลาจริง ไม่ต้องคิดเลยครับพี่ เพราะมันเป็นสิ่งที่ผมอยากทำมาตลอด อยากขอโทษท่านที่มีส่วนทำให้ครอบครัวลำบากถึง 16-17ปี ถึงแม้จะรู้ว่าคนในครอบครัวไม่ได้ลำบาก แต่เราเป็นลูกผู้ชายคนเดียว มันใช่หรอที่โตอายุขนาดนี้ยังต้องให้ท่านมาดูแล"


วางอนาคตตัวเองยังไงต่อไป

"ผมว่าผมต้องวางแผนอีกเยอะ เพราะมันมีการเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง ตั้งแต่วันที่ผมเข้ามา จนถึงวันนี้เกือบ 17 ปี ทุกอย่างเปลี่ยนหมด ผมต้องเก็บเกี่ยวข้อมูล ค่อยศึกษาการใช้ชีวิตในยุคปัจจุบันครับ"


เสียดายครึ่งชีวิตที่ผ่านไปมั้ย

"ผมว่าทุกอย่างมีสองด้านนะพี่ ถ้าผมไม่เข้ามาอยู่ในนี้ ผมอาจจะตายไปแล้วก็ได้มั้ง เพราะผมใช้ชีวิตเสี่ยงมากตอนวัยรุ่น เรียกได้ว่าไม่คิดถึงวันพรุ่งนี้เลย พอมาอยู่ในนี้มันเหมือนเป็นความโชคดีในความโชคร้ายนะผมว่า ถ้าลงรายละเอียดลึกๆ ว่าผมได้อะไร มันต้องคุยกันยาว ไว้โอกาสหน้า ถ้าผมพร้อม เริ่มปรับตัวกับสังคมได้แล้ว จะลงลึกรายละเอียด ผมค่อยนัดพี่ๆ คุยใหม่นะครับ"


ข่าวที่คุณอาจสนใจ
TOP NEWS
  • TODAY
  • WEEK
  • MONTH