ต่างประเทศ
โจ ไบเดน ชายหัวใจสลายสู่ "ปธน.สหรัฐฯ"

โจ ไบเดน ชายหัวใจสลายสู่ "ปธน.สหรัฐฯ"

โจ ไบเดน ชายหัวใจสลายสู่

"ฆ่าตัวตาย" เป็นความคิดของผู้ชายคนนี้ ในวันที่เขาสูญเสียสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิต แต่ในที่สุด โจ ไบเดน ก็ผ่านมันมาได้ และเขากำลังจะถูกจารึกในฐานะประธานาธิบดีคนที่46 ของสหรัฐอเมริกา


โจเซฟ โรบิเนตต์ ไบเดน จูเนียร์ ( Joseph Robinette Biden, Jr.) หรือ โจ ไบเดน... โลกรู้จักเขาในฐานะ รองประธานาธิบดีสหรัฐคนที่ 47 ระหว่าง พ.ศ. 2552 ถึง 2560 เป็นสมาชิกวุฒิสภาจากรัฐเดลาแวร์เจ็ดสมัยติดต่อกัน ระหว่าง พ.ศ. 2515 ถึง 2552 สังกัดพรรคเดโมแครต


และล่าสุด คือในฐานะผู้แทนของพรรคชิงชัยในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ พ.ศ. 2563 แข่งกับโดนัลด์ ทรัมป์ โดยก่อนหน้านั้นเขาเคยเป็นผู้แทนพรรคเดโมแครตในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐใน พ.ศ. 2531 และ พ.ศ. 2551 แต่ไม่ได้รับเลือกตั้ง





ไบเดนเกิดที่เมืองสแครนตัน ในรัฐเพนซิลเวเนีย และอาศัยอยู่ที่เมืองนี้จนอายุได้ 10 ขวบจึงได้ย้ายมาอยู่ที่เมืองเดลาแวร์จวบจนปัจจุบัน


ไบเดนประกอบอาชีพเป็นทนายความตั้งแต่ปี 2512 และได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งในคณะลูกขุนเมื่อปี 2513


ไบเดนเข้ามารับตำแหน่งสมาชิกวุฒิสภาครั้งแรกในปี 2515 โดยการเลือกตั้ง ทำให้กลายเป็นสมาชิกวุฒิสภาที่อายุน้อยที่สุดเป็นอันดับ 5 ที่ได้เข้ามารับตำแหน่งในประวัติศาสตร์การเมืองสหรัฐ จากนั้น เขาก็ชนะการเลือกตั้งอีกครั้งในปี 2521, 2527, 2533, 2539 และ 2545 นับว่าเป็นสมาชิกวุฒิสภาที่ครองตำแหน่งมานานที่สุดเป็นอันดับ 6 ในประวัติศาสตร์อีกด้วย


แต่เบื้องหลังความสำเร็จของเขาในช่วงครึ่งแรกของชีวิต นั่นเพราะ "หลังบ้าน" ของเขา



โจ ไบเดน นั้น สมัยตอนเรียนไฮสกูลเรียนไม่เก่ง แต่เป็นนักกีฬาตัวเด่น เก่งทั้งฟุตบอลและเบสบอล ไบเดนเป็นผู้นำที่ดี เขาได้แต่งตั้งเป็นหัวหน้าชั้น (class president) ไบเดนจบไฮสกูลและมหาวิทยาลัยในรัฐเดลาแวร์ หลังจากนั้นไปเรียนกฎหมายที่ มหาวิทยาลัย “ซิราคิวส์” (Syracuse) นิวยอร์ค ไบเดนพบภรรยาคนแรกชื่อ “นิเลีย ฮันเตอร์” ที่มหาวิทยาลัย ทั้งสองแต่งงานกันปี ค.ศ. 1964 หลังจบกฎหมาย



โจ ไบเดนและภรรยาย้ายกลับไปอยู่เดลาแวร์ ไบเดนสอบผ่านบาร์และเป็นทนายในรัฐเดลาแวร์ปี 1969 ไบเดนและนิเลีย มีลูกด้วยกัน 3 คน คือ โจเซฟ โบ ,ฮันเตอร์ และ นาโอมิ



โจ ไบเดน ลงสนามการเมือง และประสบความสำเร็จ เพราะการสนับสนุนจากภรรยาของเขา ผู้ทิ้งความฝันของตัวเอง เพื่อช่วยเหลือสามีให้เดินบนเส้นทางทางการเมืองได้สำเร็จ ทว่า...



วันที่ 18 ธันวา 1972 ชีวิตของโจ ไบเดน ถูกความทุกข์ที่สุดในชีวิตถาโถม ความหอมหวานยินดีหลังได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งเป็นสมาชิกวุฒิสภา “เซเนเต้อร์” ของรัฐเดลาแวร์ ยังไม่จางหาย ภรรยาของเขาได้พาลูกๆ ขึ้นรถ SUV ไปซื้อของสำหรับเทศกาลคริสต์มาสที่กำลังจะมาถึงในสัปดาห์หน้า ทุกอย่างสวยงามสดชื่น





ทว่านิเลียหันไปคุยกับลูกคนหนึ่ง ทำให้จอดรถเลยป้าย "หยุด" ไปเล็กน้อย รถบรรทุกขนาดใหญ่ห้อตะบึงมาเต็มความเร็วและชนอัดรถ SUV ของนิเลียและลูกๆ เต็มแรง ลูกสาวคนเล็ก นาโอมิ อายุเพียงขวบครึ่ง เสียชีวิตพร้อมแม่ ในขณะที่ โบ และ ฮันเตอร์ บาดเจ็บหนัก โจ ไบเดน หัวใจสลาย เขาคิดจะฆ่าตัวตายตามนิเลียไป แต่สมองส่วนเหตุผลห้ามเขาไว้ว่า เขามิอาจจะทิ้งลูกชายสองคนที่กำลังบาดเจ็บได้ เขาเศร้าเกินจะพรรณา และหวิดจะถอนตัวจากตำแหน่งเพื่อดูแลลูกชายที่กำลังบาดเจ็บ แต่ในที่สุดเพื่อนสมาชิกก็เกลี้ยกล่อม ในขณะที่โจ ไบเดน ก็รู้ลึกๆ ว่า เขาจำเป็นต้องทำงานเพื่อดูแลลูก เขาสาบานตนในฐานะวุฒิสมาชิกแห่งรัฐ จากห้องพักในโรงพยาบาลที่ลูกชายนอนบาดเจ็บอยู่



โจ ไบเดน แต่งงานใหม่กับ จิล ทั้งคู่อยู่ในสถานะม่าย โจเป็นพ่อม่ายลูกติด ส่วนจิลหย่ากับสามี เธอเป็นนักการศึกษา จบปริญญาโท 2 ใบ และ ปริญญาเอกด้านศึกษาศาสตร์ จิลต่อต้านสงครามอย่างรุนแรง และยังคงรักการสอนหนังสือ หลังจากว่างเว้นการออกช่วยสามีหาเสียง



โจ ไบเดน เป็นสมาชิกของคณะกรรมาธิการความสัมพันธ์ต่างประเทศมายาวนานจนเป็นประธานของคณะกรรมการชุดนี้ ศิลปะการเจรจาของเขาเคยนำมาซึ่งความช่วยเหลือทางการทหารของสหรัฐและการเข้าแทรกแซงในสงครามบอสเนีย เขาออกเสียงสนับสนุนนโยบายการแก้ปัญหาสงครามอิรัก แต่ต่อมาได้ประกาศจุดยืนว่าอยากให้มีการเปลี่ยนแปลงยุทธศาสตร์ดังกล่าว นอกจากนั้น ไบเดนยังได้ดำรงตำแหน่งประธานของคณะกรรมาธิการศาลยุติธรรมสำหรับสมาชิกวุฒิสภาอีกด้วย โดยมีส่วนในเรื่องของยาเสพติด อาชญากรรม การป้องกันภัย และสิทธิพลเมือง และยังเป็นแกนนำในการเสนอกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาชญากรรมการใช้ความรุนแรงและการบีบบังคับ และกฎหมายว่าด้วยการคุกคามสตรี



โจ ไบเดน เคยลงสมัครชิงตำแหน่งตัวแทนพรรคเดโมแครตเพื่อเข้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐในปี 2531 และ 2551 แต่ไม่ประสบความสำเร็จทั้งสองครั้ง แต่ในปี 2551 บารัก โอบามา ผู้สมัครที่ได้ตำแหน่งตัวแทนพรรคเดโมแครตตัดสินใจเลือกไบเดนเป็นตัวแทนพรรคเดโมแครตเป็นคู่สมัครในการเลือกตั้ง ค.ศ. 2551 นี้ และได้รับเลือกตั้งเป็นรองประธานาธิบดี


ในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2558 โจ ไบเดน ประกาศว่าเขาจะไม่ลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ พ.ศ. 2559 ในเดือนมกราคม พ.ศ. 2560


โจ ไบเดน ได้รับรางวัลเกียรติยศเหรียญอิสรภาพประธานาธิบดีจากประธานาธิบดีโอบามา ต่อมาไบเดนประกาศที่จะลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐใน พ.ศ. 2563 เมื่อวันที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2562 ในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2563 เขามีคุณสมบัติตามเกณฑ์จากคณะผู้ออกเสียง 1,991 คนที่จำเป็นเพื่อให้ได้รับการเสนอชื่อจากพรรค และเมื่อวันที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2563 ไบเดนประกาศให้กมลา แฮร์ริส เป็นคู่สมัครรับเลือกตั้งในการเลือกตั้งประธานาธิบดี พ.ศ. 2563



โจ ไบเดน เป็นแกนนำในการเสนอกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาชญากรรมการใช้ความรุนแรงและการบีบบังคับ และกฎหมายว่าด้วยการคุกคามสตรี



โจ ไบเดน กำลังจะถูกจารึกในฐานะประธานาธิบดีคนที่46 ของสหรัฐอเมริกา และเป็นประธานาธิบดีที่เข้าดำรงตำแหน่งด้วยอายุมากที่สุดในประวัติศาสตร์!



โฉมหน้าอเมริกา ภายใต้การขับเคลื่อนรัฐนาวาของโจ ไบเดน จะเป็นอย่างไร แล้วอเมริกาโดยโจ ไบเดน จะเปลี่ยนโลกไปแค่ไหน ต้องจับตาดู


ข่าวที่คุณอาจสนใจ
TOP NEWS
  • TODAY
  • WEEK
  • MONTH