"สัปเหน่อ" รวมดาวตลก “ตัวตึง” ยุคคาเฟ่ งานนี้ฮาไม่ยั้ง หยุดขำไม่ได้แล้ว!!
ยกขบวนความฮามาแบบครบสูตร กับเหล่าดาวตลกระดับตำนานที่มาร่วมสร้างความฮาครั้งใหม่กับหนังตลกล้อเลียนเรื่องล่าสุด “สัปเหน่อ” ทาง ทรูโฟร์ยู ช่อง 24
ถ้าจะให้ฉายภาพในอดีตที่เคยเป็นยุคทองของวงการตลกไทย เชื่อกันว่าก็คงจะหนีไม่พ้นยุคสมัยของ ตลกคาเฟ่ เพราะในสมัยนั้น คาเฟ่ ถือว่าเป็นสถานบันเทิงยอดฮิตของมหาชนคนไทยในยามค่ำคืนที่มีเวทีสำหรับการแสดงตลก นอกจากนี้ศิลปินตลกทั้งหลายที่เรารู้จักกันดี ก็ล้วนแล้วแต่มีจุดเริ่มต้นและสร้างชื่อให้กับตัวเองจากการแสดงในคาเฟ่มาแล้วทั้งนั้น เช่นเดียวกับตลกในตำนานกลุ่มนี้ที่กลับมารวมตัวสร้างความฮากันอีกครั้งใน สัปเหน่อ หนังตลกล้อเลียนเรื่องล่าสุดที่กำลังจะเข้าฉายทาง ทรูโฟร์ยู ช่อง 24 ซึ่งทุกคนต่างก็เคยผ่านการเป็น ดาวตลกยุคคาเฟ่ มาแล้วเหมือนกัน จะมีใครกันบ้าง เราไปทำความรู้จักกันเลย
นุ้ย เชิญยิ้ม หรือ ชูเกียรติ เอี่ยมสุข เริ่มทำงานในวงดนตรี ศรชัย เมฆวิเชียร ตอนอายุ 13 ปี ก่อนที่จะไต่เต้าเข้าสู่วงการตลกใน คณะซุปเปอร์บอย ไม่นานก็มีโอกาสได้โชว์ความสามารถเล่นตลกอย่างเต็มตัวในวงดนตรี สายัณห์ สัญญา ซึ่งตอนนั้นก็ยังทำการแสดงเป็นคณะเล็กๆ อยู่ในวงดนตรีที่รอวันเจิดจรัส จนมีโอกาสได้เข้ามาเล่นอยู่ในคาเฟ่ โดยใช้นามสกุล เชิญยิ้ม เป็นครั้งแรกจาก คณะชูศรี ในตำแหน่งตัวปูมุกตลก หลังจากนั้นก็มีการย้ายคณะมาเรื่อยๆ จนมีคณะเป็นของตัวเอง และเมื่อถึงยุคที่คาเฟ่ซบเซาจึงหันมาโลดแล่นทำการแสดงอยู่ในจอแก้วแทน จนถึงปัจจุบันก็ยังมีผลงานออกมามากมายให้ติดตามรับชมกัน และก็ยังได้รับความนิยมในหมู่วัยรุ่นอีกด้วย
เอ๋ เชิญยิ้ม หรือ วีรพล จันทร์ตรง นักแสดงตลกที่เคยแจ้งเกิดจากคณะตลกชื่อดังอย่าง เชิญยิ้ม ซึ่งในยุคที่ตลกคาเฟ่ได้รับความนิยม เขาได้ร่วมฝากผลงานไว้ในฐานะนักแสดงตลกมากมาย แต่สิ่งที่ทำให้เขาเป็นที่จดจำและมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วกับเป็นการปรากฎตัวในซีรีส์ดัง ผู้กองเจ้าเสน่ห์ ในบทของ ผู้กองสมาร์ท นั่นเอง ปัจจุบันนอกจากงานแสดงแล้วก็ผันตัวมาทำคอนเท้นท์เกี่ยวกับการล่าท้าผีลงช่องทางออนไลน์ โดยเป็นเจ้าของเพจ สัปเหร่อเจอผี ที่มีผู้ติดตามมากกว่าล้านคนอีกด้วย
หน่อย เชิญยิ้ม หรือ จุมพจน์ ศรีจามร ครั้งเมื่อเรียนจบชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 มีอาชีพเป็นช่างทาสี เฝ้าศพ แบกศพ ก่อนจะเข้าสู่วงการตลกจากคำชักชวนให้ไปเล่นลิเกของ เด๋อ ดาวอังคาร หรือ อาฉี เสียงหล่อ เจ้าของวลี "บัดซบจังเลย" ต่อจากนั้นออกมาตั้งคณะเป็นของตัวเองใช้ชื่อว่า 5 เกลอ จนทำให้ได้เข้ามาอยู่กับ คณะเป็ด เชิญยิ้ม และมีมุกที่ทำให้เป็นที่รู้จักในวงการตลกคาเฟ่คือการร้องเพลง ฮัลโหล ในทำนองเพลง 16 ปีแห่งความหลัง และมุกเพลง สะเก็ดข่าว ส่วนผลงานทางหน้าจอทีวีก็มีโอกาสได้เข้ามาแสดงตลกในบางตอนของรายการก่อนบ่ายคลายเครียด โดยส่วนมากมักจะได้รับบทเป็นตัวโกง หรือหมอผี และยังได้แจ้งเกิดอีกครั้งในภาพยนตร์ พยัคฆ์ร้ายส่ายหน้า กับเอกลักษณ์ในการท่องคาถาที่ทุกคนรู้จักกันเป็นอย่างดี “อะนันตะปัดชะเย อะปัดติเถเถนา อะปัดติยา อะปัดติเถเถคือ อะปัดติโถ อะปัดติกึด กึด กึด” และด้วยฝีไม้ลายมือในการเล่นตลกที่ไม่เป็นสองรองใครก็ทำให้ปัจจุบันก็ยังมีผลงานการแสดงออกมาอยู่เรื่อยๆ รวมถึงยังเป็นแขกรับเชิญในรายการตลกอีกมากมาย
น้าพวง เชิญยิ้ม หรือ พวง แก้วประเสริฐ ใช้วิชาลิเกที่มีติดตัวตั้งแต่เด็กหาเลี้ยงตนเองและครอบครัว เมื่อเข้าสู่วัย 14 ปี ก็ได้รู้จักกับ โย่ง เชิญยิ้ม และ นงค์ เชิญยิ้ม ในคณะลิเก ศักรินทร์ ดาวร้าย ซึ่งตอนนั้นเขาทำหน้าที่ตีตะโพนจนได้ขึ้นไปเล่นเป็นตัวโจ๊ก ตัวเจ้า ทั้ง 3 คนสนิทสนมกันมาก จนกระทั่งลิเกไม่มีงานจ้าง จึงตัดสินใจย้ายเข้ามาเล่นลิเกอยู่ในกรุงเทพฯ โดย โย่ง เชิญยิ้ม เล่นตลกอยู่กับ ยาว อยุธยา และได้ชักชวนให้เขามาเล่นด้วยกัน จนมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักจากการแสดงจำอวดร่วมกันของ 3 คน เกิดเป็น 3 น้า จำอวดหน้าม่าน จนถึงปัจจุบัน ถึงแม้ว่าตอนนี้จะไม่ได้มีรายการประจำเหมือนเมื่อก่อน แต่ก็ยังมีผลงานออกมาให้ติดตามชมกันอยู่ตลอดเวลารวมถึงภาพยนตร์อีกด้วย
โชเล่ย์ ดอกกระโดน หรือ นิรัญ ช้างกลาง ด้วยความฝันที่อยากเป็นนักร้อง เขาจึงเดินทางไปสมัครเป็นนักร้องในสวนอาหารอยู่หลายที่ จากนั้นตัดสินใจเข้ามาในกรุงเทพฯ ทำงานเป็นเด็กเสิร์ฟในสวนอาหาร เขาทำงานมาเป็นเวลานานจนในที่สุดก็ได้ขึ้นร้องเพลงที่ วิลล่าพระรามเก้าคาเฟ่ และได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ก่อนจะออกมาเล่นตลกอยู่กับ คณะดู๋ ดอกกระโดน มีมุกตลกเป็นที่ติดหูอย่างมุก “พี่เป็นคนกรุงเตป” และด้วยคาแรคเตอร์ที่แต่งหญิงแล้วคนดูชอบจึงมีงานเข้ามาให้ทำมากมาย ต่อมาก็ได้ตัดสินใจออกจากวงการตลกแล้วกลับมาอยู่กับครอบครัว โดยยังหวนกลับไปรับงานทางหน้าจอทีวีบ้างให้ยังได้เห็นหน้าเห็นตา จนช่วงโควิดที่ผ่านมาก็ได้ผันตัวมาเป็น ยูทูปเบอร์ พร้อมกับคำพูดที่ฮิตติดหู “อาหร่อย” สร้างช่องทางทำเงินให้กับครอบครัวได้อีกครั้ง จนปัจจุบันมีผู้ติดตามแล้วมากกว่าล้านคน
แอนนา ชวนชื่น หรือ เอนก อินทะจันทร์ เริ่มต้นเข้าสู่วงการจากวงดนตรีลูกทุ่งเล็กๆ จนมีโอกาสย้ายเข้ามาอยู่ในวง สายัณห์ สัญญา และเข้าสู่วงการตลกเป็นครั้งแรกกับคณะ อิสระ เดือนเพ็ญ ก่อนจะมาอยู่ในคณะ จาตุรงค์ มกจ๊ก และได้มีนามสกุลพ่วงท้ายเป็น แอนนา ชวนชื่น กับคณะ จิ้ม ชวนชื่น จนกระทั่งได้รับโอกาสเข้ามาเล่นภาพยนตร์ด้วยคาแรคเตอร์การพูดติดสำเนียงจีน และมุกฮาที่แจ้งเกิดจนทำให้มีคนรู้จักมากขึ้นอย่าง “มีน้ำส้วมแล้วจะกินน้ำแดง” ในภาพยนตร์เรื่อง แสบสนิท ศิษย์ส่ายหน้า และอีกครั้งกับมุก “ถั่วต้ม” ในภาพยนตร์เรื่อง สุดเขตสเลดเป็ด จนถึงปัจจุบันก็ยังเป็นมุกประจำตัวที่ไม่ว่าจะเล่นกี่ครั้งก็ยังขำได้เสมอ นอกจากงานแสดงแล้วปัจจุบันก็ยังมีธุรกิจปลาร้าทอดส่งออกนอกอีกด้วย
และทั้งหมดนี้ก็คือเส้นทางของการเป็นผู้ประกอบอาชีพขายเสียงหัวเราะที่แต่ละคนมอบให้กับคนไทยมาอย่างยาวนาน เรียกได้ว่าเป็น “ดาวตลกยุคคาเฟ่” ที่ยืนระยะมาได้จนถึงปัจจุบันนี้ เพราะฉะนั้นมาร่วมพิสูจน์ฝีไม้ลายมือของพวกเขากันอีกครั้ง กับความฮาครั้งใหม่ที่กำลังจะบังเกิดขึ้นใน “สัปเหน่อ” 17 สิงหาคมนี้ 18.40 น. ทาง ทรูโฟร์ยู ช่อง 24
สัปเหน่อ เป็นเรื่องราวของ มาด (เอ๋ เชิญยิ้ม) หลังจากได้ร่ำเรียนวิชามาก็ตัดสินใจลงหลักปักฐานเป็นสัปเหร่อที่หมู่บ้านแห่งหนึ่ง ซึ่งหมู่บ้านแห่งนี้ก็มี ผู้ใหญ่ชัย (นุ้ย เชิญยิ้ม) ที่เป็นผู้นำและเป็นที่เคารพรักของทุกคนในหมู่บ้าน แถมมีภรรยาสาวสวยชื่อว่า ชวนชม (แนน ก่อนบ่าย) ผู้ใหญ่ชัยและชวนชมต่างก็รักใคร่และสนิทสนมกับมาดเป็นอย่างมาก เปรียบเหมือนเป็นพี่น้องคนหนึ่งเลยทีเดียว นอกจากนี้ยังหมายมั่นปั้นมือว่าหลังจากที่ผู้ใหญ่ชัยวางมือลงก็จะส่งต่อตำแหน่งผู้ใหญ่บ้านแห่งนี้ให้กับมาดรับช่วงต่อไป แต่เหตุการณ์ที่เหมือนจะสงบสุขกลับไม่เป็นเช่นนั้น เมื่อ อาจารย์หงอก (หน่อย เชิญยิ้ม) หมอผีคู่ปรับเก่าที่เป็นศิษย์ร่วมสำนักเดียวกันกับมาด ได้เข้ามาที่หมู่บ้านแห่งนี้ และพบว่าหมู่บ้านนี้มีแต่คนงมงาย จึงเตรียมแผนการที่จะเข้ามาต้มตุ๋นหลอกเงินคนในหมู่บ้าน เรื่องราวได้เข้มข้นขึ้นเมื่อผู้ใหญ่ชัยเสียชีวิตลงอย่างกระทันหัน อาจารย์หงอกจึงใช้โอกาสนี้แก้แค้นมาด เป่าหูใส่ร้ายว่าที่ผู้ใหญ่เสียชีวิตนั้นสาเหตุมาจากที่มาดเป็นผู้กระทำ โดยใช้วิชาคาถาที่เรียนมาทำให้ผู้ใหญ่เสียชีวิต และเรื่องราววุ่นๆ ของหมู่บ้านแห่งนี้ จะจบลงแบบไหน จะฮา จะรั่วกันขนาดไหน พลาดไม่ได้เด็ดขาด
สัปเหน่อ กำหนดเข้าฉาย 17 สิงหาคม 18.40 น. ในจอทีวี ทรูโฟร์ยู ช่อง 24